ซึ่งถามว่าคนเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไร ถ้าหากเขาที่เป็นต้นฉบับกลับไม่มีชื่อเสียง
แล้วคนก็อปปี้ กลับดังขึ้นมา อย่างกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับศิลปินเพลงหลายๆคน
อันที่จริงแล้ว เราคิดว่า คุณไม่สามารถทำอะไรได้ตรงๆกับเรื่องนี้นะคะ
การที่คนจะดังขึ้นมา มันก็ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียวด้วย
ดังนั้น ส่วนนึง มันไม่ได้หมายความว่า งานของเขา ดีกว่างานของคุณนะคะ
เพียงแต่ เขาอาจจะมีโอกาส มีความสม่ำเสมอ หรือขยันมากกว่าคุณ
และถ้าเขาเป็นแบบนั้น แล้วเขาดันเผอิญมาชอบงาน แล้วก็ก็อปงานบางส่วนไปแล้วเผอิญเกิดปังขึ้นมา
คิดซะว่า เขาได้ทำร้ายตัวเอง เพราะถ้าสักวันนึง คนรู้ความจริง
คนที่เสียหายจะไม่ใช่คุณ แต่เป็นเขา แต่คุณต้องยอมรับว่า บางทีแล้ว
แฟนคลับ หรือคนที่รักผลงานของคนๆนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา
ก็ยังมีแฟนคลับส่วนนึงที่ยังเหนียวแน่นอยู่แน่นอน ดังนั้นทางเลือกนี้
เป็นตัวพี่เองจะไม่ทำอะไร จะพัฒนาผลงานต่อไปเรื่อยๆ
เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไป แล้วกลับไปตอนที่คนยังไม่ก็อปเราได้
เมื่อมันเกิดขึ้นเรา สามารถทำได้สองข้อคือ ทำใจยอมรับแล้วก้าวต่อไป พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ
กับเลือกที่จะสู้กับเขา ซึ่งก็เสียเวลาเปล่าๆ ค่ะ คนเรายากที่จะเปลี่ยนแนวคิด นอกจากนี้ คนที่ติดการก็อปปี้ ต่อให้เขาไม่ทำกับน้อง
เขาก็ไปทำกับคนอื่นอยู่ดี ซึ่งการที่จะให้บทเรียนเขา มันอาจจะไม่ใช่การเผชิญหน้า แต่เป็นการให้สังคม ลงโทษเขาไปเอง
คนเราถ้าทำผิดแล้ว ถ้าเราคิดจะเอาเรื่องมันไม่ยากหรอกค่ะ แต่จะได้ศัครู เพิ่มมา อีก 1 คน
ซึ่งจริงๆแล้ว ทำไมทำไมก็ไม่รู้ เพราะศัตรู ยิ่งมีเยอะยิ่งมากความ
เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ 100% หรอกนะคะ
คือก็ไม่เคยก็อปใคร แต่กลับโดนก็อปโดยคนใกล้ๆตัว หรือคนรู้จักก็ตาม
ถ้ามีคนก็อปงานเราไปขายจะทำยังไง?
จริงๆเป็นพี่ พี่จะอยู่เฉยๆ ก็แค่เอามาโพส แล้วก็ให้สังคมลงโทษไปก็พอแล้วค่ะ นั่นคือบทเรียนที่แรงที่สุดสำหรับคนก็อปแล้วแอบอ้าง นั่นก็คือกระบวนการลงโทษจากสังคม ซึ่งสิ่งนี้ มันก็จะเกิดขึ้นมาเอง ถ้ามีตัวจุดชนวนบางอย่าง ส่วนคนที่ก็อปงานคนอื่นไปแอบอ้างขาย มันไม่ได้ยั่งยืนนะคะ สิ่งที่คุณทำ สักวันจะมีคนจับได้ และคนก็จะมีกระบวนการในการลงโทษในแบบของเขา บางคนอาจจะแบน ไม่ซื้อสินค้า ไม่คบค้าสมาคมด้วยก็มี มันขึ้นอยู่กับดีกรีความแรงในการแอบอ้างของคุณ ว่าคุณแอบอ้างเบอร์แรงแค่ไหน และสิ่งเหล่านี้ คุณไม่สามารถปิดคนไว้ได้ตลอดไปนะคะ สักวันคนจะรู้อยู่ดีค่ะ